06.00 คณะพร้อมกันที่จุดนัดพบ เจ้าหน้าที่ต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวกสัมภาระและจัดที่นั่ง
07.00 พร้อมแล้วนำท่านออกเดินทาง แวะรับประทานอาหารเช้า อิสระ ที่จุดพักรถ หรือ ร้านอาหารเช้า
09.00 เวลาโดยประมาณ นำท่านเดินทางสู่พระราชวังบางประอิน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของอําเภอบางปะอินและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สันนิษฐานว่าสร้างโดยพระเจ้าปราสาททอง เนื่องจากบริเวณเกาะบางปะอินเป็นที่ประสูติของพระองค์และเป็นเคหสถานเดิมของพระมารดา พระราชวังบางปะอินน่าจะเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาอีกหลายพระองค์ในเวลาต่อมา เพราะอยู่ไม่ไกลจากเกาะเมือง จนถึงคราวต้องถูกทิ้งร้างลงหลังการเสียเอกราชครั้งที่ 2 กระทั่งสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระราชวังบางปะอินจึงได้รับการบูรณะฟื้นฟูอีกครั้ง และต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ขึ้น ซึ่งยังคงใช้เป็นที่ประทับ และต้อนรับพระราชอาคันตุกะและพระราชทานเลี้ยงรับรองในโอกาสต่าง ๆ เป็นครั้งคราว ทั้งนี้ การแต่งกายเพื่อเที่ยวชมพระราชวังต้องสุภาพเรียบร้อย ห้ามสวมเสื้อแขนกุด กางเกงหรือกระโปรงห้ามสูงเหนือเข่า ห้ามสวมกางเกงรัดรูป ห้ามสวมรองเท้าเปิดส้น นักท่องเที่ยวที่แต่งกายไม่ถูกต้องตามระเบียบ ต้องสวมผ้าคลุม ผ้าถุง หรือเสื้อคลุม ซึ่งทางพระราชวังได้จัดเตรียมไว้ให้
11.00 นำท่านชมวัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร วัดสไตล์โกธิก หนึ่งเดียวในประเทศไทย วัดตั้งอยู่บนเกาะลอยกลางแม่น้ำเจ้าพระยา โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โปรดฯ ให้สร้างขึ้น เพื่อทรงใช้เป็นสถานที่สำหรับบำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อครั้งเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับที่พระราชวังบางปะอิน ความสวยงามที่ไม่เหมือนวัดอื่นๆ ก็คือ เป็นการก่อสร้างวัดโดยการใช้สถาปัตยกรรมในแบบโกธิค และเลียนแบบโบสถ์ของศาสนาคริสต์นั่นเอง สำหรับการไปวัดนั้น เนื่องจากวัดนี้อยู่บนเกาะกลางน้ำ ทำให้ต้องเดินทางไปยังวัดโดยการนั่ง กระเช้าไฟฟ้าลอยน้ำ เพื่อข้ามแม่น้ำไปยังตัววัด
เที่ยง อิสระอาหารกลางวัน ก๋วยเตี๋ยวเรือชามใหญ่ อยุธยา
14.00 หลังอาหารนำท่าน วัดพระงาม Unseen ซุ้มประตูต้นโพธิ์ อายุกว่า 100 ปี วัดพระงาม อยุธยา วัดพระงาม คลองสระบัว ตั้งอยู่ใน ตำบลคลองสระบัว จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดร้างที่สวยงดงามเพราะมีซุ้มประตูโบราณที่ถูกล้อมด้วยต้นโพธิ์นานกว่า 100 ปี จนที่นี่ถูกขนานนานว่า ประตูแห่งกาลเวลา แต่ความสวยของซุ้มประตูนี้ จะอยู่ในเวลาตอนเย็นค่ะ เพราะจะมีแสงสว่างของพระอาทิตย์ส่องลงมาที่ซุ้มประตูค่ะ ถ้าได้เดินผ่านช่วงเวลานี้ ก็จะรู้สึกเหมือนกำลังก้าวผ่านข้ามเวลาไปยังอดีต ให้อารมณ์เหมือนละครเรื่องทวิภพ
15.00 นำท่านชมวัดแม่นางปลื้ม วัดแม่นางปลื้ม เที่ยวชมวัดโบราณข้ามประตูมิติไปสู่ความสวยงามในอดีต
วัดแม่นางปลื้ม อยุธยา มีประวัติเล่ามาว่า แม่ปลื้มเป็นชาวบ้านอยู่ริมน้ำชานพระนครคนเดียว ไม่มีลูกหลาน วันหนึ่งสมเด็จพระนเรศวรทรงพายเรือมาแต่พระองค์เดียวท่ามกลางสายฝนเมื่อเสด็จมาถึงทอดพระเนตรเห็นกระท่อมยังมีแสงตะเกียงอยู่ เวลานั้นค่ำอยู่ สมเด็จพระนเรศวรทรงแวะขึ้นมาในกระท่อมแม่นางปลื้ม เห็นชายฉกรรจ์เสื้อผ้าเปียกขึ้นมา จึงได้กล่าวเชื้อเชิญด้วยความมีน้ำใจ แต่พระองค์ท่านทรงเสียงดังตามบุคลิกของนักรบชายชาตรี แม่ปลื้มได้กล่าวเตือนว่า ลูกเอ๋ย เจ้าอย่าเสียงดังนักเลย เวลานี้ค่ำมากแล้วเดี๋ยวพระเจ้าแผ่นดินท่านทรงได้ยินจะโกรธเอา
18.00 รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหาร
20.00 หลังอาหารนำท่านเดินทางเข้าที่พัก วาสนาดีไซด์ โฮเทล หรือเทียบเท่า
06.00 รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของทีพั่ก
08.00 นำท่านออกเดินทางไปยังวัดมหาธาตุ พงศาวดารบางฉบับกล่าวว่าวัดนี้สร้างใน สมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 ต่อมาสมเด็จพระราเมศวรโปรดให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐานไว้ใต้ฐานพระปรางค์ประธานของวัด เมื่อปี พ.ศ. 1927 พระปรางค์วัดมหาธาตุถือเป็นปรางค์ที่สร้างในระยะแรกของสมัยอยุธยา ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปรางค์ยอม ชั้นล่างก่อสร้างด้วยศิลาแลง มีส่วนเสริมใหม่ ตอนบนก่ออิฐถือปูน สมเด็จพระเจ้าปราสาททองโปรดให้ปฏิสังขรณ์พระปรางค์ โดยเสริมให้สูงกว่าเดิม ต่อมายอดพังลงมาเหลือเพียงชั้นมุขเท่านั้น มีหลักฐานว่าเป็นปรางค์ที่มีขนาดใหญ่ และก่อสร้างอย่างวิจิตรสวยงามมาก เมื่อปี พ.ศ. 2499 กรมศิลปากรขุดแต่งพระปรางค์แห่งนี้ พบของโบราณหลายชิ้นที่สําคัญคือผอบศิลา ภายในมีสถูปซ้อนกัน 7 ชั้น แบ่งเป็น ชิน เงิน นาค ไม้ดํา ไม้จันทน์แดง แก้วโกเมน และทองคํา ชั้นในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและเครื่องประดับอันมีค่า
ปัจจุบันพระบรมสารีริกธาตุได้รับการนําไปประดิษฐานไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา สิ่งที่น่าสนใจในวัดอีกอย่าง คือเศียรพระพุทธรูปหินทราย ซึ่งมีรากไม้ปกคลุมเศียรพระพุทธรูปนี้หล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ในสมัยเสียกรุง จนรากไม้ขึ้นปกคลุม มีความงดงามแปลกตาไปอีกแบบ
11.00 นำท่านชมวัดไชยวัฒนาราม ถือเป็นโบราณสถานที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่ง สร้างในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พ.ศ. 2173 วัดนี้เป็นสถานที่ฝังพระศพของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร (เจ้าฟ้ากุ้ง) กวีเอกสมัยอยุธยาตอนปลาย และเจ้าฟ้าสังวาล ซึ่งต้องพระราชอาญาโบยจนสิ้นพระชนม์ ในรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ปรางค์ ประธานของวัดนี้อยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส และที่มุมฐานมีปรางค์ประจําทิศอยู่ทั้งสี่มุม โดยในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โปรดให้สร้างปรางค์ขนาดใหญ่เป็นประธานของวัด เป็นการรื้อฟื้นศิลปะสมัยอยุธยาตอนต้นที่นิยมสร้างปรางค์เป็นประธานของวัด เช่น ปรางค์ที่วัดมหาธาตุและวัดราชบูรณะ นอกจากนี้ มีพระระเบียงรอบปรางค์ประธาน ภายในพระระเบียงมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ผนังระเบียงก่อด้วยอิฐถือปูน มีลูกกรงเป็นรูปลายกุดั่น พระอุโบสถอยู่ด้านหน้าวัด ภายในมีซากพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยหินทราย ทรงเครื่องแบบจักรพรรดิราช ใบเสมาของพระอุโบสถทําด้วยหินสีออกเขียว จําหลักเป็นลายประจํายามและลายก้านขด และเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองอยู่ด้านหน้าพระอุโบสถ มีเจดีย์ 2 องค์ ฐานกว้าง 12 เมตร สูง 12 เมตร ซึ่งถือเป็นศิลปะที่เริ่มแพร่หลายตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง วัดไชยวัฒนารามได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ เมื่อ พ.ศ. 2478 และกรมศิลปากรได้ดําเนินการบูรณะตลอดมา จึงยังคงความสวยงามยิ่งใหญ่ตระการตาเสมือนในอดีต
เที่ยง อิสระอาหารกลางวัน ที่ตลาดน้ำอโยธยา
หลังอาหารนำท่านเดินทางกลับ กรุงเทพฯ
16.00 เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
1. กำหนดออกเดินทาง ขั้นต่ำ 8 ท่าน หากไม่เต็มตามจำนวนที่กำหนด บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง ค่าทริปเดินทาง หรือ หากตกลงกันไม่ได้ ก็เลื่อนการเดินทาง จนกว่าจะมีผู้จองมาครบตามจำนวนที่คิดต้นทุนไว้
2. ที่นั่งจัดตามลำดับการจองและโอนมัดจำ เท่านั้น ขอสงวนที่นั่งให้กับท่านที่โอนจองมาแล้วเท่านั้น ( กรุ๊ปเหมาส่วนตัว ไม่มีกำหนดเรื่องที่นั่ง ให้จัดที่นั่งกันเอง )
3. รายการเดินทางอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์และเหตุการณ์ปัจจุบัน ทั้งนี้ ผลประโยชน์ของท่านลูกค้าคือสำคัญ
87 ถนนปากแพรก ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 71000